“ นางกวักเอย นางกวักเจ้าแม่กวัก อีพ่อหยักแหย่ อีแม่แหย่หย่อ ก้นหยุกก้นหยอมาสูงเอียงข้าง เจ้าอวดอ้างต่ำหุ เดือนหงาย ตกดิน ตกทราย เดือนแจ้ง เจ้าแม่แอ้งแม่ง จากฟ้าลงมา นางสีดาแก่งแหน ต้อนแต้น ต้อนแต้น .... ”
เสียงเพลงอัญเชิญดวงวิญญาณในการละเล่นพื้นบ้านที่เรียกว่า “ การเล่นนางกวัก ” ยังคงก้องกังวาน ในยามค่ำคืน ของวันขึ้น 2 ค่ำ เดือน 3 เสมอ การเล่นนางกวัก เป็นการละเล่นที่นำกวัก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่ง ในการทอผ้า มาตกแต่ง ใส่หัว ที่นำมาจากกะลามะพร้าว แล้วเขียนคิ้ว ทาปากให้สวยงาม แล้วอัญเชิญดวงวิญญาณ ของบรรพบุรุษ มาเข้าสิงสถิต เพื่อทำการ เสี่ยงทาย ซึ่งอาจจะเสี่ยงทาย ในเรื่องของคู่รัก การทำงาน หรือโชคชะตาชีวิต
ในสมัยก่อน ตอนค่อนแจ้ง กะพอแสงเงินแสงทอง จับขอบฟ้า ลูกหลาน จะเตรียมหาบซ้าแฮ ( ตะกร้าใส่อาหารคาวหวาน ) ไปถวายพระที่วัด ครั้นพอพระสงฆ์ ฉันอาหารเสร็จ อาหารคาวหวานและข้าวจี่ที่เหลือ จะแบ่งปันกันกิน ( ข้าวจี่ หมายถึง ข้าวเหนียวนึ่ง ที่ปั้นเป็นก้อนกลมๆ รีๆ เหมือนผลมะตูม หรือฟองไข่เป็ด แล้วนำไม้ไผ่ ที่เหลายาว ประมาณศอกเศษ เสียบทะลุตรงกลาง นำไปปิ้งไฟให้ข้าวเหนียวสุก อาจจะนำเกลือป่นโรยสักนิดก็ได้ )
ทำพีธีขอขมาเจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขา ขอใช้สถานที่ในการละเล่น
แต่งตัวแม่กวัก
ต้องแน่นหนา
อุปกรณ์สำหรับแต่งตัวแม่กวัก
ยังไม่แน่นพอ
ทาแป้งแม่กวัก
เขียนปาก
ทำการร้องเพลงเชิญ
เมื่อเข้าแล้วให้เด็กได้ลองพิสูจน์ว่าแม่นางกวักนั้นแรงดีหรือไม่
เปลียนคนจับบ้าง แต่ต้องมีคนที่เป็นร่างหนึ่งคน คอยจับไว้
ครูขอบ้าง
ลองแล้วหนักจริง แรงมากๆ
เด็กๆสนใจมาก
ก่อนจะเชิญออก
ในงานบุญนางกวักนั้นต้องมีการทำอาหารแจกด้วย คือข้าวโค้ง แป้งจี่
แม่ใหญ่ตำแป้ง
แแจกเด็กๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น